โยคะ ฝึกกายใจบำบัดรักษาโรค

802

โยคะ มีต้นกำเนิดจากประเทศอินเดียโดยโยคีหรือฤาษีฝึกท่าอาสนะเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายและจิตใจ โดยมีความเชื่อพื้นฐานที่ว่า การมีร่างกายที่สมบูรณ์และแข็งแรงจะทำให้เรามีจิตใจที่แข็งแรงและสมบูรณ์ได้

ปัจจุบันมีโยคะมากกว่า 30 ประเภททั่วโลก โยคะเหล่านี้อาจจะมีรูปแบบต่างๆกันและคล้ายคลึงกัน แต่ก็ยังคยึดหลักและท่าทางการฝึกของโยคะเดิมไว้ เพียงแต่นำมาประยุกต์ให้เข้ากับสมัยนิยม และจุดประสงค์ของการฝึก โยคะบางชนิดก็มีการใช้อุปกรณ์ร่วมเช่น บล๊อก เข็มขัด เก้าอี้ เป็นต้น การที่มีโยคะหลากหลายประเภทให้เลือกฝึกก็จะยังเป็นการจูงใจให้มีผู้หันมาฝึกกันมากขึ้นด้วยคะ

โยคะ หมายถึง ร่างกาย จิตใจ และลมหายใจ การฝึกโยคะเป็นกระบวนการสำหรบการฝึกกาย ฝึกการหายใจ และฝึกจิดให้มีความแน่วแน่ จดจ่อกับลมหายใจเข้า-ออก ในทางปฎิบัติต้องรวมทั้งสามอย่างเข้าด้วยกัน คือการเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ประสานกับลมหายใจเข้า-ออก และมีจิตใจสงบนิ่งในขณะที่เคลื่อนไหว ทำให้เกิดความสมดุลของร่างกายขึ้น

หากแบ่งโยคะตามหลักตำราดั้งเดิมนั้น โยคะมีเพียง 4 ประเภทคือ

1) ราชาโยคะ (Raja Yoga)
2) ถักติโยคะ (Khakti Yoga)
3) กรรมโยคะ (Karma Yoga)
4)ญานะโยคะ (Jnana Yoga)

แต่ปัจจุบันโยคะได้มีการแตกแขนงและปรับให้เป็นไปตามความนิยม ทำให้โยคะมีความหลากหลายมากขึ้นแต่ก็ยังคงยึดหลักท่าแบบดั้งเดิมไว้ เช่น หะธะโยคะ ตันตระโยคะ ทิเบตเทียนโยคะ ต้นกำเนิดจากพระธิเบตที่อาศัยอยู่ในที่อากาศหนาว มีเพียง 5 ท่าเท่านั้น แอเรียลโยคะ (Aerial Yoga) เป็นการฝึกที่ต้องใช้เชือกผ้าแขวนจากเพดาน คล้ายการบินหรือเหาะได้ แอ็คโครโยคะ (Acroyoga) เป็นการทำโยคะแบบคู่คล้ายกายกรรม โยคะร้อน (Hot Yoga) เป็นการฝึกโยคะในห้องที่มีอุณหภูมิ40.6 องศาเซลเซียล เหมือนกับการฝึกโยคะในห้องซาวน่าเลยคะ ยินโยคะ (Yin Yoga) เป็นการทำโยคะแบบช้าๆ อยู่ในท่านั้นประมาณ 5 นาที เน้นบริหารเนื้อเยื่อข้อต่อ พังผืด โยคะนิทรา (Yoga Nidra) เป็นต้น

การฝึกโยคะเป็นการช่วยให้ร่างกายมีความยืดหยุ่น เคลื่อนไหวได้สะดวก สุขภาพร่างกายแข็งแรง ช่วยให้ระบบต่างๆในร่างกวยทำงานมีประสิทธิภาพขึ้น ทั้งการเผาผลาญ การดูดซึมอาหาร การขับถ่าย โยคะยังเป็นการฝึกการหายใจทำให้ระบบหายใจทำงานได้ดี สะดวกขึ้น และยังช่วยบำบัดรักษาโรคต่างๆ ได้ เช่น ปวดเมื่อย ท้องอืด โรคอ้วน ปวดศีรษะ อาการปวดของกระดูกและข้อต่อต่างๆ เป็นต้น และประโยชน์ที่เราสาวๆจะเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อได้ฝึกโยคะอย่างต่อเนื่อง คือ ทำให้รูปร่างได้สัดส่วน สวยงาม และกระชับไม่เหย่อนคล้อยด้วยนะคะ การฝึกโยคะนอกจากจะมีประโยชน์ต่อร่างกายแล้วยังส่งผลดีต่อจิตใจของผู้ฝึกเองด้วย ช่วยให้มีสมาธิ จิตใจแน่วแน่ คลายความเครียด เมื่อความเครียดหมดจิตใจก็สดใส ร่าเริง และทำให้นอนหลับสนิทอีกด้วย

การฝึกโยคะเป็นการส่งเสริมการดูแลสุขภาพที่ดี การฝึกโยคะก็คล้ายกับการออกกำลังกายเราควรสวมเสื้อผ้าที่เหมาะสม สบายตัว ควรงดอาหารมื้อหนักก่อนการฝึกอย่างน้อย 3 ชั่วโมง และหากเป็นอาหารเบาก็ควรงดอย่างน้อย 1.30 ชั่วโมง และควรทำจิตใจให้สงบ มีสมาธิก่อนการฝึกทุกครั้ง

สำหรับข้อควรระวังในการฝึกโยคะนั้น ผู้ฝึกที่มีปัญหาสุขภาพ อย่าง โรคเกี่ยวกับหัวใจ เบาหวาน มะเร็ง โรคเอดส์ หูหรือตามีปัญหา เพิ่งผ่านการมาผ่าตัดมา รวมทั้งผู้ที่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ และผู้สูงวัย ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการฝึก เพื่อป้องกันอันตรายที่จะได้ขึ้น เนื่องจากท่าโยคะบางท่าอาจทำให้เกิดผลเสียกับโรคที่เป็นอยู่ เช่น การก้มศีรษะอาจไม่เป็นผลดีกับผู้ที่มีความดันโลหิตสูงหรือต่ำ คนที่มีปัญหาเรื่องข้อเข่า อาจจะต้องไม่ใช้หัวเข่ารับน้ำหนักมากเกินไป การฝึกโยคะไม่ควรหักโหมจนเกินไป อย่ารีบร้อน หรือเริ่มต้นฝึกด้วยท่าที่ยากจนเกินไป อย่าลืมว่าหัวใจหลักของการฝึกโยคะคือการผ่อนคลายคะ และท่าไหนยากจนเกิดไปทำให้ผู้ฝึกต้องฝืนตัวเองก็ไม่แนะนำให้ทำคะ หรือหากเกิดอาการเจ็บ ปวด ในขณะที่ฝึกก็ควรหยุดทันทีคะ