ความแตกต่างระหว่างต้นกัญชาและต้นกัญชง

7

ในช่วงเวลาที่กระแส พืชสมุนไพรสายเขียว กำลังมาแรง หนึ่งในคำถามที่มักถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงก็คือ “ต้นกัญชา กับต้นกัญชงเหมือนกันไหม?” หลายคนอาจคิดว่าเป็นพืชชนิดเดียวกันเพียงเพราะชื่อคล้ายกัน มีใบรูปร่างเหมือนกัน หรือมีกลิ่นที่คล้ายกัน แต่นั่นคือความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอยู่ไม่น้อย เพราะแม้ทั้งสองจะเป็นพืชในตระกูลเดียวกัน แต่ มีความแตกต่างที่สำคัญ ทั้งในด้านโครงสร้าง สารออกฤทธิ์ การใช้งาน และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ต้นกัญชา

บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างต้นกัญชาและต้นกัญชงอย่างละเอียดในทุกมิติ เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้พืชเหล่านี้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับความต้องการที่แท้จริง

ต้นกำเนิดและตระกูลของพืชสายเขียว

ทั้งต้นกัญชาและต้นกัญชงเป็นพืชที่อยู่ในสกุล Cannabis แต่มีลักษณะพันธุกรรมและวัตถุประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปต้นกัญชง (Hemp) จะถูกจำแนกเป็นสายพันธุ์ย่อยของ Cannabis sativa เช่นเดียวกับต้นกัญชา แต่สิ่งที่ทำให้ทั้งสองแตกต่างชัดเจนคือ ปริมาณสาร THC และ CBD ในพืชแต่ละชนิด

ต้นกัญชา ถูกเพาะพันธุ์มาเพื่อให้มีปริมาณสาร THC (tetrahydrocannabinol) สูง ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ต่อจิตประสาท
ขณะที่ ต้นกัญชง มีปริมาณ THC ต่ำมาก และมี CBD (cannabidiol) สูงกว่า ซึ่งไม่มีฤทธิ์เมาแต่เน้นคุณสมบัติทางสุขภาพ

ด้วยเหตุนี้กัญชาจึงมักเกี่ยวข้องกับการใช้ทางการแพทย์และไลฟ์สไตล์ ขณะที่กัญชงมักถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องสำอาง และอาหารสุขภาพ

รูปร่างลักษณะภายนอกที่สังเกตได้

แม้ว่าใบของทั้งสองจะมีลักษณะเป็นแฉกหยักสีเขียวเข้มที่คล้ายกัน แต่ถ้าพิจารณาให้ดีจะพบว่า ต้นกัญชาและต้นกัญชงมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในรูปลักษณ์ ดังนี้

  • ต้นกัญชา มักมีทรงพุ่มเตี้ย ใบกว้างกว่า และมีการแตกกิ่งมาก ทำให้เหมาะสำหรับการปลูกในพื้นที่จำกัด โดยเฉพาะในเรือนกระจกหรือพื้นที่ในร่ม
  • ต้นกัญชง มีลำต้นสูงโปร่ง สามารถสูงได้ถึง 3-4 เมตร ใบมีลักษณะเรียวยาวกว่า และมีกิ่งก้านน้อยกว่า ซึ่งเหมาะกับการปลูกกลางแจ้งในแปลงขนาดใหญ่

ความแตกต่างในลักษณะภายนอกเหล่านี้ทำให้สามารถแยกแยะได้ด้วยตาเปล่าหากสังเกตอย่างตั้งใจ โดยเฉพาะเมื่อนำมาใช้ในวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน

ความต่างของสารประกอบสำคัญในพืช

หนึ่งในจุดชี้ขาดระหว่าง ต้นกัญชา และต้นกัญชงคือปริมาณของ สารแคนนาบินอยด์ (cannabinoids) ที่อยู่ในพืช ทั้ง THC และ CBD ซึ่งส่งผลต่อการใช้งานโดยตรง

ต้นกัญชา มี THC สูงกว่า 0.3% ซึ่งทำให้เกิดผลต่อจิตประสาท ทำให้รู้สึก เคลิบเคลิ้ม ผ่อนคลาย หรือแม้กระทั่งมึนเมา จึงถูกนำไปใช้ในทางการแพทย์เพื่อระงับอาการปวดหรือช่วยในการนอนหลับ
ต้นกัญชง จะมี THC ต่ำกว่า 0.3% หรือบางสายพันธุ์แทบไม่มีเลย แต่มี CBD สูง ซึ่งไม่มีฤทธิ์เมา แต่มีคุณสมบัติ ต้านการอักเสบ ลดความวิตกกังวล และบำรุงระบบประสาท

ด้วยเหตุนี้ กัญชามักถูกควบคุมทางกฎหมายมากกว่ากัญชง เนื่องจากศักยภาพในการก่อให้เกิดอาการเมา

การใช้งานในเชิงอุตสาหกรรมและสุขภาพ

ต้นกัญชงมีคุณสมบัติที่เหมาะสมอย่างยิ่งกับการนำไปใช้ในเชิงอุตสาหกรรม เช่นการผลิตเส้นใยจากลำต้นที่มีความเหนียวและทนทาน นำไปทำเป็นผ้าหรือกระดาษ หรือแม้แต่ วัสดุก่อสร้างทางเลือก ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ขณะที่ ต้นกัญชา โดดเด่นในด้านการใช้เพื่อประโยชน์ทางยา เช่น น้ำมันกัญชาแบบสกัดเข้มข้น (CBD oil) สำหรับบรรเทาอาการชัก อาการปวดเรื้อรัง หรือแม้กระทั่งเพื่อกระตุ้นความอยากอาหารในผู้ป่วยมะเร็ง

ไม่เพียงแค่ในแง่การแพทย์และอุตสาหกรรม แต่ในยุคนี้กัญชงยังถูกพัฒนาเป็นส่วนผสมในอาหารสุขภาพ เช่น โปรตีนจากเมล็ดกัญชง ที่ให้กรดอะมิโนครบถ้วน หรือ เครื่องสำอางจากน้ำมันเมล็ดกัญชง ที่มีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้ดี

กฎหมายที่ควรรู้ก่อนใช้งาน

แม้ทั้ง ต้นกัญชา และต้นกัญชงจะถูกปลดล็อกบางส่วนในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย แต่กฎหมายยังคงมีรายละเอียดเฉพาะที่แตกต่างกัน และมีผลต่อการผลิต การจำหน่าย หรือการบริโภคอย่างมาก

สำหรับกัญชา การปลูกและใช้งานยังคงต้องอยู่ภายใต้การควบคุมโดยรัฐ ต้องมีการจดทะเบียน และต้องใช้งานภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ
ในขณะที่กัญชงมีข้อจำกัดน้อยกว่า โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่มี THC ต่ำมาก ซึ่งสามารถปลูกเพื่อวัตถุประสงค์ในเชิงอุตสาหกรรมหรือเชิงพาณิชย์ได้ง่ายกว่า

ความเข้าใจในด้านกฎหมายจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ควรศึกษาให้รอบด้านก่อนการเริ่มต้นเกี่ยวข้องกับพืชทั้งสองชนิดนี้

มุมมองทางวัฒนธรรมและสังคมที่แตกต่าง

ในบางสังคม ต้นกัญชา ยังคงถูกมองว่าเป็นพืชอันตรายหรือพืชเสพติด เนื่องจากประวัติศาสตร์การใช้งานที่เกี่ยวข้องกับการเสพติดเพื่อความบันเทิง ในขณะที่ต้นกัญชงมักไม่ถูกตีตราในลักษณะเดียวกัน เพราะถูกใช้ในบริบทที่ไม่เกี่ยวข้องกับฤทธิ์ทางจิตประสาท

แต่ในปัจจุบัน มุมมองต่อทั้งสองพืชเริ่มเปลี่ยนไป โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มองเห็น โอกาสทางธุรกิจและการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม มากกว่าจะมองว่าเป็นพืชต้องห้าม การให้ข้อมูลที่ถูกต้องและโปร่งใสจึงเป็นหัวใจของการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างยั่งยืน

บทสรุป: เลือกให้เหมาะ เข้าใจให้ชัด แล้วใช้ให้เป็น

แม้ ต้นกัญชา และต้นกัญชงจะมีความใกล้เคียงกันในเชิงพันธุกรรม แต่หากมองให้ลึกในระดับ โครงสร้าง สารประกอบ และการใช้งาน แล้ว จะพบว่าทั้งสองมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

การเข้าใจความแตกต่างนี้ไม่เพียงช่วยให้คุณเลือกใช้พืชได้อย่างถูกต้องเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณสามารถพัฒนาแนวทางการใช้ในชีวิตประจำวัน หรือแม้กระทั่งต่อยอดในเชิงธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

เพราะสุดท้ายแล้ว ไม่ใช่แค่การรู้จักพืช แต่คือการ เข้าใจอย่างถ่องแท้ ว่าพืชแต่ละชนิดนั้นมีพลังและศักยภาพในแบบของตัวเอง และเราจะดึงสิ่งนั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไรต่างหากที่สำคัญที่สุด